“โรงเรียนตั้งต้นดี” (Restart Academy) ริเริ่มโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยในปี 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้พ้นโทษมีอาชีพที่ยั่งยืนเพื่อลดอัตราการกระทำผิดซ้ำ ผ่านการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ จิตใจ และสังคม โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการช่วยเหลือและเรียนรู้จากกันและกันระหว่างผู้เข้าร่วมโครงการ และได้เปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้ประกอบอาชีพจริงเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง ปัจจุบัน โรงเรียนตั้งต้นดีเปิดสอนหลักสูตรผู้ประกอบการด้านอาหารภายใต้ชื่อ ”ครัวตั้งต้นดี” ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย และอยู่ในช่วงพัฒนาหลักสูตรให้ครอบคลุมทักษะด้านอื่น ๆ รวมถึงกองทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้พ้นโทษที่จำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน
-ประเทศไทยมีผู้พ้นโทษถูกปล่อยตัวเฉลี่ยปีละกว่า 200,000 ราย โดยมีอัตราการกระทำผิดซ้ำ ภายใน 3 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 34% -ปัจจัยหลักเกิดจากการที่ผู้พ้นโทษยังขาดความพร้อมในการกลับสู่สังคม และขาดโอกาสในการประกอบอาชีพ เนื่องจากมีประวัติเคยต้องโทษมาก่อน -เกิดภาระค่าใช้จ่ายโดยภาครัฐและค่าเสียโอกาส มากกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท
โรงเรียนตั้งต้นดีแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนหลัก เพื่อสนับสนุนผู้พ้นโทษในทุกมิติที่จำเป็น Restart-Coaching – อบรมทักษะอาชีพและจิตใจ รวมถึงการปรับทัศนคติเพื่อให้พร้อมต่อการดำรงชีวิต Restart-Career – จ้างงานผู้พ้นโทษที่ผ่านการฝึก ทักษะจากโรงเรียน เพื่อส่งเสริมให้มีพื้นที่จริงในการสร้างรายได้ Restart-Money (กองทุนฉุกเฉิน) – จัดตั้งกองทุนให้กู้ยืมสำหรับผู้พ้นโทษที่จำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน
: 29
: 0.00
: นายเพิ่มพร มณีสินธุ์
(กรรมการ)
นางสาวสุชาดา ลาภกิจถาวร
(กรรมการ)
นายธนะชัย สุนทรเวช
(ที่ปรึกษา)
10.2 By 2030, empower and promote the social, economic and political inclusion of all, irrespective of age, sex, disability, race, ethnicity, origin, religion or economic or other status
10.3 Ensure equal opportunity and reduce inequalities of outcome, including by eliminating discriminatory laws, policies and practices and promoting appropriate legislation, policies and action in this regard
10.4 Adopt policies, especially fiscal, wage and social protection policies, and progressively achieve greater equality
ผู้พ้นโทษ |
||
ประเทศไทยมีผู้พ้นโทษถูกปล่อยตัวเฉลี่ยปีละ 200,000 ราย โดยอัตราการกระทำผิดซ้ำในช่วงปี 2556 - 2565 ภายในปีที่ 1, 2 และ 3 เฉลี่ยเท่ากับ 15%, 25% และ 34% ตามลำดับ1 ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายและค่าเสียโอกาสในแต่ละปีมากกว่า 7 พันล้านบาท2
ในแต่ละปี มีผู้พ้นโทษกว่า 140,000 คนที่ต้องการประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการบางแห่งยังมีอคติไม่เปิดรับผู้ที่เคยต้องโทษมาก่อนเข้าทำงาน อีกทั้งกฎหมายบางฉบับยังกีดกันไม่ให้ผู้พ้นโทษประกอบบางอาชีพได้ เช่น งานรักษาความปลอดภัย ที่แม้จะเป็นอาชีพที่ขาดแคลนแรงงานและต้องการพื้นฐานการศึกษาน้อย ซึ่งเหมาะกับผู้พ้นโทษส่วนมากก็ตาม
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้พ้นโทษหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำคือการที่สังคมยังมีอคติ ทำให้ไม่ได้รับโอกาสเข้าทำงาน จึงจำเป็นต้องกลับไปประกอบอาชีพทุจริตอีกครั้ง
แม้ว่าประเทศไทยจะมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานและเตรียมความพร้อมผู้พ้นโทษก่อนปล่อย อย่างไรก็ดี ตำแหน่งงานส่วนมากมักจะเป็นงานในโรงงาน ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ต้องขังบางราย นอกจากนี้ โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยยังอาจไม่ต่อเนื่องสำหรับผู้ต้องขังบางรายเนื่องจากมีกำหนดปล่อยตัวไม่ลงตัวกับโครงการฯ
บ้านกึ่งวิถีที่สนับสนุนผู้พ้นโทษในประเทศไทยยังคงมีจำนวนจำกัด
โรงเรียนตั้งต้นดีจึงเปรียบเสมือนบ้านกึ่งวิถีที่ตอบโจทย์ผู้พ้นโทษที่ต้องการประกอบอาชีพที่หลากหลาย และเตรียมความพร้อมเพื่อให้เริ่มต้นอาชีพได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
-สัมภาระที่ติดออกมาจากเรือนจำ -การขาดการเข้าสังคมมาเป็นระยะเวลานาน -ตามไม่ทันเทคโนโลยี -คิดลบต่อตัวตนของตนเอง |
||
จัดการอบรมด้านอาชีพ และ แรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ |
|
ผู้พ้นโทษมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ไม่กระทำผิดซ้ำ
ผู้ต้องขัง อนาคตเป็นผู้พ้นโทษ มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ผู้ต้องขัง อนาคตเป็นผู้พ้นโทษ มีแรงบันดาลใจที่จะประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ผู้พ้นโทษ เลือกทำอาชีพที่สุจริต ไม่หวนกลับไปทำสิ่งผิดกฎหมาย
ผู้ต้องขัง อนาคตเป็นผู้พ้นโทษ มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ผู้ต้องขัง อนาคตเป็นผู้พ้นโทษ มีแรงบันดาลใจที่จะประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ |
รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน |
|
|