โครงการที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการผ่านการบริจาคผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น ยาทากันยุง ชุดตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น น้ำยากำจัดลูกน้ำยุงลาย มุ้งและอุปกรณ์ป้องกันยุง พร้อมทั้งจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพ การจัดการสิ่งแวดล้อม และการป้องกันโรคแก่ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย โครงการนี้เน้นการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงผู้นำและอาสาสมัครในชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างระบบเฝ้าระวังโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อยอดสู่การพัฒนาชุมชนสุขภาพดีที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสามารถขยายผลเป็นต้นแบบในระดับพื้นที่อื่นต่อไปได้ในอนาคต หรือส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างระบบเฝ้าระวังโรคที่ชุมชนสามารถดูแลและบริหารจัดการได้ด้วยตนเองในระยะยาว อันนำไปสู่การลดภาระโรคและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรม
โรคไข้เลือดออกยังคงเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่เอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรค ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในปี 2566 (1 มกราคม – 13 ธันวาคม) มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวน 147,412 ราย และเสียชีวิต 174 ราย โดยอัตราป่วยตายอยู่ที่ 0.12% Thaiger กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ 5–14 ปี รองลงมาคือ 15–24 ปี และ 0–4 ปี สาเหตุหลักที่ทำให้การควบคุมโรคไข้เลือดออกยังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ได้แก่: การขาดความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน: ประชาชนจำนวนมากยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก และไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณที่อยู่อาศัย การเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันโรคที่จำกัด: ครัวเรือนในพื้นที่เสี่ยงจำนวนมากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตนเองจากยุงลาย เช่น มุ้ง ยาทากันยุง หรืออุปกรณ์กำจัดลูกน้ำยุงลาย ระบบเฝ้าระวังและตอบสนองที่ไม่เพียงพอ: การขาดระบบเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพในระดับชุมชน ทำให้ไม่สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อการระบาดได้อย่างทันท่วงที จากปัญหาดังกล่าว จึงมีความจำเป็นในการดำเนินโครงการที่เน้นการส่งเสริมความรู้ การแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันโรค และการสร้างระบบเฝ้าระวังโรคในระดับชุมชน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกอย่างยั่งยืน
การวางแนวทางการดำเนินงานโดยครอบคลุมทั้งการป้องกัน การให้ความรู้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วม และการสร้างระบบเฝ้าระวังโรคที่ยั่งยืน ดังนี้: สนับสนุนทรัพยากรในการป้องกันโรค จัดหาและบริจาคผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการป้องกันโรคไข้เลือดออก เช่น ยาทากันยุง น้ำยากำจัดลูกน้ำ มุ้ง ชุดตรวจเบื้องต้น ส่งมอบให้แก่ครัวเรือนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้พิการ สร้างความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน จัดกิจกรรมให้ความรู้ในรูปแบบเวิร์กช็อป การอบรม และกิจกรรมภาคสนาม โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ใช้สื่อสารรณรงค์ที่เข้าถึงง่าย เช่น แผ่นพับ อินโฟกราฟิก เสียงตามสาย หรือโซเชียลมีเดียของชุมชน ส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน รณรงค์กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ภาชนะที่มีน้ำขัง ท่อระบายน้ำ กระถางต้นไม้ จัดกิจกรรม Big Cleaning Day ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียน และหน่วยงานสาธารณสุข พัฒนาระบบเฝ้าระวังและการตอบสนองต่อโรคในระดับชุมชน ฝึกอบรมผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเยาวชน ให้สามารถเป็น "แกนนำป้องกันไข้เลือดออก" จัดทำระบบรายงานข้อมูลผู้ป่วยและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงผ่านแบบฟอร์มหรือแอปพลิเคชัน สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น และโรงพยาบาลใกล้เคียง ติดตามผลและประเมินความสำเร็จของโครงการ จัดทำแบบสอบถาม ประเมินความรู้และพฤติกรรมของประชาชนก่อนและหลังโครงการ ประเมินอัตราการลดลงของผู้ป่วยในพื้นที่ พร้อมจัดทำรายงานผลการดำเนินงานและข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อไป
: 6
: 50,000.00
: มณีรัตน์ บุญสินธุ์
(กรรมการ)
ภทรธร คล่องเชิงสาน
(กรรมการ)
3.3 By 2030, end the epidemics of AIDS, tuberculosis, malaria and neglected tropical diseases and combat hepatitis, water-borne diseases and other communicable diseases
3.d Strengthen the capacity of all countries, in particular developing countries, for early warning, risk reduction and management of national and global health risks
6.2 By 2030, achieve access to adequate and equitable sanitation and hygiene for all and end open defecation, paying special attention to the needs of women and girls and those in vulnerable situations
6.b Support and strengthen the participation of local communities in improving water and sanitation management
11.3 By 2030, enhance inclusive and sustainable urbanization and capacity for participatory, integrated and sustainable human settlement planning and management in all countries
11.5 By 2030, significantly reduce the number of deaths and the number of people affected and substantially decrease the direct economic losses relative to global gross domestic product caused by disasters, including water-related disasters, with a focus on protecting the poor and people in vulnerable situations
17.17 Encourage and promote effective public, public-private and civil society partnerships, building on the experience and resourcing strategies of partnerships Data, monitoring and accountability