Impact Flow   beta  
<

วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดี (Chiang Mai Wellbeing Social Enterprise)

ในโลกยุคใหม่ที่การพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้คนกลับต้องเผชิญกับภาวะความเครียด ความโดดเดี่ยว และการหลุดห่างจากความสมดุลภายใน วิถีชีวิตที่เน้นการแข่งขัน ความสำเร็จภายนอก และการบริโภคเกินจำเป็นได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคม ขณะที่การดูแลสุขภาวะกลับถูกจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มที่มีทรัพยากรหรือความรู้เฉพาะทาง ในขณะเดียวกัน พื้นที่เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและความหลากหลายกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนแปลกหน้าต่อกัน การเชื่อมโยงระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติในชุมชนเมือง เช่น เชียงใหม่ แม้จะดูคึกคักภายนอก แต่กลับขาดพื้นที่ปลอดภัยที่ผู้คนจะได้พบเจอกันในฐานะ “มนุษย์ร่วมชุมชนเดียวกัน” กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย ยิ่งถูกผลักออกนอกระบบการดูแลสุขภาพกายและใจอย่างรอบด้าน เพราะข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและโครงสร้างที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เสื่อมโทรมจากการบริโภคเกินพอดี ผู้คนจำนวนมากเริ่มค้นหาวิธีคืนสมดุลให้ชีวิต ผ่านโยคะ ศิลปะ การทำสมาธิ และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติและจิตวิญญาณ ทว่าเครื่องมือเหล่านี้กลับยังคงกระจุกอยู่ในกลุ่มคนเฉพาะทาง ไม่สามารถขยายผลสู่มวลชนได้อย่างแท้จริง

ในโลกปัจจุบัน ผู้คนเผชิญกับวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเครียด และความห่างไกลจากธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การขาดสุขภาวะทั้งกาย ใจ และสังคมอย่างรอบด้าน แม้จะมีเครื่องมือและวิธีการต่าง ๆ ที่สามารถช่วยเยียวยาได้ เช่น โยคะ การทำสมาธิ ดนตรีบำบัด หรือศิลปะบำบัด แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย ที่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและการเข้าถึงบริการที่เข้าใจความหลากหลายของความต้องการเฉพาะบุคคล ในพื้นที่อย่างเชียงใหม่ แม้จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง แต่กลับขาดพื้นที่กลางที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชุมชนไทยและชาวต่างชาติ ขณะเดียวกัน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น การพึ่งพาสิ่งแวดล้อมในเชิงทำลาย ยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้ยั่งยืนในทางปฏิบัติได้ นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องสุขภาพจิตยังถูกปิดกั้นด้วยทัศนคติของสังคม การขาดพื้นที่ปลอดภัย และขาดแนวทางที่อ่อนโยน ทำให้ผู้ที่ต้องการการเยียวยาไม่กล้าเข้าถึงการดูแลตัวเองอย่างแท้จริง แม้ความต้องการนั้นจะมีอยู่ในระดับสูง

เพื่อตอบโจทย์ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสุขภาวะองค์รวม ความเปราะบางทางจิตใจของผู้คนในสังคม ช่องว่างทางวัฒนธรรม รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดี มุ่งพัฒนาแนวทางแก้ไขที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรม ชุมชน และธรรมชาติมาเป็นเครื่องมือหลักในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก โดยมีแนวทางหลักดังนี้: 1. สร้างระบบบริการสุขภาวะที่เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และหลากหลาย - กิจการได้พัฒนาโมเดลกิจกรรมด้านสุขภาวะที่เน้นการผสมผสานระหว่างโยคะ ศิลปะ ดนตรี และกิจกรรมการฟื้นฟูจิตใจ เช่น TRE, Yoga Nidra และ Sound Bath เพื่อรองรับความหลากหลายของความต้องการและประสบการณ์ชีวิต โดยจัดในรูปแบบ บริจาคตามศรัทธา หรือค่าใช้จ่ายต่ำ ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยหรือกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงกิจกรรมได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ปราศจากการตัดสิน ไม่เน้นผลลัพธ์ทางการแพทย์ แต่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ดูแลตนเองอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง 2. ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมผ่านเทศกาลและพิธีกรรมร่วมสมัย - ในบริบทของเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมระหว่างประเทศ กิจการใช้เทศกาลชุมชน (เช่น Diwali, Holi, Easter, Ganesh Chaturthi) และพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ (เช่น Cacao Ceremony, Kirtan) เป็นเครื่องมือในการสานสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและชาวต่างชาติ สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม และลดความแปลกแยกทางวัฒนธรรม เทศกาลต่าง ๆ ยังเปิดให้ผู้เข้าร่วมสามารถเป็นผู้สร้างกิจกรรม ไม่ใช่เพียงผู้ชม ซึ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งและยั่งยืน 3. ออกแบบพื้นที่ฟื้นฟูที่เชื่อมโยงธรรมชาติ วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม - ด้วยการใช้พื้นที่ของ อินสดาเวลเนสรีสอร์ท และ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน กิจการได้จัดสรรพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัย การบำบัด และการเรียนรู้แบบองค์รวม โดยสนับสนุนการใช้วัสดุธรรมชาติ การลดขยะ และการบริโภคอาหารพืชเป็นหลัก (plant-based) ทั้งในร้านอาหาร (Shambhu Café) และกิจกรรมประจำวัน ถือเป็นต้นแบบของ “ชุมชนสุขภาวะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ที่ดำเนินได้จริงในระดับพื้นที่ 4. เสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ผู้ให้บริการและชุมชนท้องถิ่น - กิจการเปิดพื้นที่ให้ครูโยคะ นักบำบัด ศิลปิน และผู้ประกอบการรายย่อยได้แสดงศักยภาพและรับรายได้โดยตรงจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งช่วยสร้างอาชีพใหม่ในแนวทางที่สอดคล้องกับคุณค่าและความเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังช่วยให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข็งจากฐานของความรู้ สุขภาวะ และวัฒนธรรม 5. วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว - เพื่อลดการพึ่งพาสถานประกอบการของผู้อื่น และรักษาอุดมการณ์ทางสังคมให้มีความต่อเนื่อง กิจการจึงวางแผนระดมทุนเพื่อเข้าซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลัก ได้แก่ อินสดาเวลเนสรีสอร์ท และสำนักงานใกล้ตัวเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดฐานปฏิบัติการถาวรในระยะยาว ลดความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง และเปิดทางให้พัฒนากิจการอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งระบบการวัดผลกระทบทางสังคม (Social Impact Metrics) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อความน่าเชื่อถือในการขอทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ

:    12
:      2,000,000.00

:         ฤทธี คุรุสิงห์ (ผู้จัดการทั่วไป)


ส่งเสริมสุขภาวะองค์รวม - พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านโยคะ การทำสมาธิ ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด และกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูภาวะจิตใจ Promote holistic wellbeing – Enhance the quality of life for communities and participants through yoga, meditation, music therapy, art therapy, and activities that support emotional and mental restoration.

Goal 3: Good Health and Well-being
Goal 3: Good Health and Well-being

3.4 By 2030, reduce by one third premature mortality from non-communicable diseases through prevention and treatment and promote mental health and well-being

สร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการเยียวยา - เปิดโอกาสให้ผู้ที่ประสบปัญหาความเครียดหรือภาวะซึมเศร้าเข้าถึงการเยียวยาผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น TRE (Tension &amp; Trauma Release Exercises), Yoga Nidra, และ Sound Bath Create safe spaces for healing - Provide opportunities for individuals experiencing stress, trauma, or depression to access healing through various practices such as TRE (Tension &amp; Trauma Release Exercises), Yoga Nidra, and Sound Bath.

Goal 3: Good Health and Well-being
Goal 3: Good Health and Well-being

3.4 By 2030, reduce by one third premature mortality from non-communicable diseases through prevention and treatment and promote mental health and well-being

สนับสนุนการมีส่วนร่วมในชุมชนและวัฒนธรรม - จัดกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น เทศกาลเชียงใหม่คเณศจาตุรถี (Chiang Mai Ganesh Chaturthi), เทศกาลสาดสีเชียงใหม่ (Chiang Mai Holi Festival), เทศกาลเชียงใหม่ดิวาลี (Chiang Mai Diwali Festival), คีร์ตัน (Kirtan), Easter, พิธีคาเคา (Cacao Ceremony) และพิธีกรรมทางวัฒนธรรมที่เปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยไม่มีการแบ่งแยก Encourage community and cultural participation - Organize inclusive social and cultural events such as the Chiang Mai Ganesh Chaturthi Festival, Chiang Mai Holi Festival, Chiang Mai Diwali Festival, Kirtan, Easter gatherings, Cacao Ceremonies, and other cultural rituals that welcome people from all backgrounds.

Goal 11: Sustainable Cities and Communities
Goal 11: Sustainable Cities and Communities

11.4 Strengthen efforts to protect and safeguard the world's cultural and natural heritage

ส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม - สนับสนุนการใช้วัสดุธรรมชาติ ลดของเสีย ใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และส่งเสริมการบริโภคอาหารแบบพืชเป็นหลัก Promote environmental sustainability - Support the use of natural materials, waste reduction, local product sourcing, and plant-based consumption to encourage eco-friendly lifestyles.

Goal 13: Climate Action
Goal 13: Climate Action

13.3 Improve education, awareness-raising and human and institutional capacity on climate change mitigation, adaptation, impact reduction and early warning

การเข้าถึงกิจกรรมของกลุ่มเปราะบาง - เปิดโอกาสให้เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และผู้มีความต้องการพิเศษเข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านแนวทางแบบ “บริจาคตามศรัทธา” โดยมุ่งเน้นการเยียวยาสุขภาพผ่านชุมชนแพทย์ดั่งเดิมแบบนานาชาติ เช่น แพทย์แผนไทย, แพทย์แผนจีน Enable access for vulnerable groups - Open up opportunities for children, the elderly, low-income individuals, and those with special needs to participate in wellbeing activities through a "donation-based" approach. The initiative also emphasizes traditional and integrative medicine practices such as Thai and Chinese healing systems.

Goal 11: Sustainable Cities and Communities
Goal 11: Sustainable Cities and Communities

11.2 By 2030, provide access to safe, affordable, accessible and sustainable transport systems for all, improving road safety, notably by expanding public transport, with special attention to the needs of those in vulnerable situations, women, children, persons with disabilities and older persons




   

ผู้ที่พำนักในพื้นที่เส้นทาง ถนนหางดง-สะเมิง (1269) ที่ได้รวมกลุ่มกันเป็น Wellness Hill 1269+

    เหตุผลที่ Wellness Hill 1269+ เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่มีผลกระทบหลัก 1. มีบทบาทร่วมในการพัฒนาพื้นที่เชิงสุขภาวะ Wellness Hill 1269+ ไม่ได้เป็นเพียงเครือข่ายหลวม ๆ แต่เป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ วิสาหกิจ และภาคีในเส้นทางถนน 1269 (บ้านปง – หางดง – สะเมิง) ที่มีแนวทางร่วมกันในการส่งเสริมสุขภาวะ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และวิถียั่งยืน การรวมตัวนี้ส่งผลโดยตรงต่อการออกแบบ กิจกรรม บริการ และแนวคิดของ “เป็นอยู่ดี” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน 2. เป็นกลไกเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนเชิงสุขภาวะ กลุ่ม Wellness Hill 1269+ ช่วยสนับสนุนการหมุนเวียนของผู้ให้บริการ เช่น ครูโยคะ นักบำบัด ศิลปินท้องถิ่น ไปจนถึงร้านอาหารเพื่อสุขภาพและที่พักแนวเนิบช้า ซึ่งเป็นรากฐานให้เกิด “เศรษฐกิจแบบเกื้อหนุน” (regenerative economy) ที่วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดีต้องการสร้าง หากไม่มีเครือข่ายเช่นนี้ การขับเคลื่อนในเชิงพื้นที่จะไม่ยั่งยืนและกระจัดกระจาย 3. เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในกิจกรรมสำคัญ หลายกิจกรรมของ “เป็นอยู่ดี” เช่น เทศกาล Diwali, Holi, Holistic Retreat, คีร์ตัน, และพิธีคาเคา ล้วนเกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาชิกในกลุ่ม Wellness Hill 1269+ ทั้งด้านสถานที่ ทรัพยากรบุคคล และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่ขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น 4. มีผลต่อทิศทางของแนวคิดและการลงทุนในพื้นที่ ในระยะยาว การพัฒนาพื้นที่บนถนน 1269 ให้เป็น Wellness Zone หรือ Wellbeing Tourism Corridor ย่อมมีผลต่อทั้งการออกแบบกายภาพ ทรัพยากรท้องถิ่น และการลงทุน หากวิสาหกิจ “เป็นอยู่ดี” ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ก็อาจขาดความต่อเนื่องในภาพรวมของการพัฒนาเชิงพื้นที่ และอาจถูกตัดออกจากการรับประโยชน์จากนโยบายหรือโครงการของรัฐหรือภาคีร่วม สาระสำคัญ Wellness Hill 1269+ ไม่ใช่เพียงเครือข่ายสนับสนุน แต่เป็น “บริบททางพื้นที่” ที่กำหนดทิศทาง ความยั่งยืน และขอบเขตของผลกระทบที่ วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดี จะสามารถสร้างได้ จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญอย่างยิ่งและมีอิทธิพลโดยตรงต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของกิจการ
   
    
     Wellness Hill 1269+ เป็นเครือข่ายของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสุขภาวะ วิถียั่งยืน และเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่ถนนเส้น 1269 ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อ วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดี และพันธมิตรอื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกัน ด้านล่างคือ ปัญหา โอกาส และความท้าทาย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม 1. ผู้ให้บริการด้านสุขภาวะ (ครูโยคะ นักบำบัด ศิลปิน พิธีกรทางจิตวิญญาณ ฯลฯ) ปัญหา: • ขาดแพลตฟอร์มและสถานที่ที่มั่นคงในการให้บริการ • รายได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม • การแข่งขันสูงในตลาดสุขภาวะ โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มออนไลน์ โอกาส: • Wellness Hill 1269+ ช่วยเป็นศูนย์กลางให้บริการที่มีฐานลูกค้าประจำ • สามารถขยายกิจกรรมไปยังเทศกาลและรีทรีตที่ดึงดูดชาวต่างชาติ • การร่วมมือกับเครือข่ายทำให้มีโอกาสทำงานร่วมกันและแบ่งปันทรัพยากร ความท้าทาย: • ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะการตลาดและการจัดการชุมชน • ต้องสร้างความแตกต่างและคุณค่าให้กับบริการของตนเอง • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า 2. ผู้ประกอบการในเครือข่าย (รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านสุขภาพ ฯลฯ) ปัญหา: • การพึ่งพาฤดูกาลท่องเที่ยวทำให้รายได้ไม่สม่ำเสมอ • ต้นทุนดำเนินการสูง โดยเฉพาะด้านพลังงานและวัตถุดิบออร์แกนิก • ขาดกลไกการเชื่อมโยงระหว่างกันให้เกิดการส่งเสริมธุรกิจร่วมกัน โอกาส: • การพัฒนา Wellness Zone ช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง • ความต้องการของตลาดด้านสุขภาวะและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกำลังเติบโต • สามารถพัฒนาแพ็กเกจแบบ Cross-Promotion กับกิจการอื่นในกลุ่ม ความท้าทาย: • ความจำเป็นในการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป • การรักษาคุณภาพและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว • ความร่วมมือในกลุ่มต้องเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เพียงแค่แนวคิด 3. ชุมชนท้องถิ่น และประชากรในพื้นที่ ปัญหา: • คนท้องถิ่นอาจไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของธุรกิจด้านสุขภาวะ • การพัฒนาอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมและราคาที่ดิน • โอกาสในการจ้างงานในอุตสาหกรรมนี้ยังมีข้อจำกัด โอกาส: • สามารถสร้างงานและอาชีพใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะ • Wellness Hill 1269+ สามารถพัฒนาหลักสูตรหรือโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะให้ชาวบ้าน • การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น ความท้าทาย: • ต้องสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างชุมชนกับธุรกิจสุขภาวะ • ความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน น้ำ ไฟฟ้า ให้รองรับการเติบโต • การทำให้สุขภาวะเป็นเรื่องที่คนในท้องถิ่นเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่สำหรับชาวต่างชาติ 4. ภาครัฐ และองค์กรสนับสนุน ปัญหา: • ยังไม่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจสุขภาวะและ Wellbeing Tourism อย่างชัดเจน • การขออนุญาตและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ธรรมชาติและกิจกรรมทางจิตวิญญาณยังมีความซับซ้อน • ขาดงบประมาณและการสนับสนุนที่เพียงพอสำหรับกิจการเพื่อสังคม โอกาส: • สามารถผลักดันให้เกิดการสนับสนุนด้าน Wellbeing Tourism ในระดับนโยบาย • มีโอกาสในการขอทุนหรือความร่วมมือจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว • การพัฒนา Wellness Hill 1269+ อาจช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ ความท้าทาย: • ต้องสร้างเครือข่ายและนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนต่อหน่วยงานรัฐ • อาจต้องมีการพัฒนาโมเดลความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน • การดำเนินการต้องสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง สรุป Wellness Hill 1269+ และ วิสาหกิจเพื่อสังคมเชียงใหม่เป็นอยู่ดี ต้องทำงานร่วมกับ ผู้ให้บริการสุขภาวะ, ผู้ประกอบการ, ชุมชนท้องถิ่น และภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาและใช้โอกาสให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ความท้าทายหลักอยู่ที่ การสร้างความร่วมมือให้เป็นรูปธรรม และ การพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาวะให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน

   

ผู้เข้าร่วม / ผู้ได้รับประโยชน์

    กลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะ รวมถึงคนในท้องถิ่น กลุ่มเปราะบาง ชาวต่างชาติ และนักเดินทางเชิงสุขภาพ
   
    
     ปัญหา: ขาดแคลนบริการด้านสุขภาวะที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย โอกาส: ได้รับการเยียวยาและพลังในการใช้ชีวิตผ่านกิจกรรมที่เปิดกว้าง ความท้าทาย: การสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

   

ผู้ให้บริการด้านสุขภาวะ

    ครูโยคะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัด ผู้นำพิธีกรรม และศิลปิน
   
    
     ปัญหา: รายได้ไม่แน่นอน และขาดสถานที่ดำเนินกิจกรรมถาวร โอกาส: ได้รับแพลตฟอร์มในการเผยแพร่งานและเชื่อมโยงกับชุมชน ความท้าทาย: การสร้างแบรนด์ของตนเองและจัดการด้านโลจิสติกส์

   

ชุมชนท้องถิ่น

    ผู้ที่อาศัยอยู่รอบรีสอร์ท Insda Wellness และในพื้นที่ 1269
   
    
     ปัญหา: เสี่ยงต่อการไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โอกาส: สร้างงานใหม่และมีส่วนร่วมในกิจกรรมวัฒนธรรม ความท้าทาย: การเชื่อมโยงความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมและมุมมองเรื่องสุขภาวะ

   

เจ้าของที่ดิน / อสังหาริมทรัพย์

    ผู้เป็นเจ้าของสถานที่ที่ใช้จัดกิจกรรม
   
    
     ปัญหา: การพึ่งพาสถานที่ของบุคคลอื่นอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของกิจกรรม โอกาส: ความร่วมมือระยะยาวหากมีความสอดคล้องกันทางคุณค่า ความท้าทาย: การเจรจาสิทธิ์ในการใช้พื้นที่และการมีกรรมสิทธิ์ถาวร