รู้จักเครื่องมือการวัดผลและการจัดการผลกระทบ (Impact Measurement and Management - IMM)
รู้จักเครื่องมือการวัดผลและการจัดการผลกระทบ (Impact Measurement and Management - IMM)
IMM คืออะไร?
วัตถุประสงค์ในการทำ IMM
ขั้นตอนของการทำ IMM
ความเชื่องโยงระหว่าง IMM กับกรอบมาตรฐาน SDG Impact Standards
Impact Flow เชื่อมโยงกับผลกระทบห้ามิติในการจัดการผลกระทบของ Impact Management Project อย่างไร?
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบ
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs
การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การวิเคราะห์ความมีนัยสำคัญ
เลือกตัวชี้วัดสำหรับการวัดและติดตามผลลัพธ์
แบบจำลองผลกระทบ
กรอบแนวคิดของ Impact Flow ตามธีมของผลกระทบที่แตกต่างกัน (ตัวอย่าง)
รู้จักเครื่องมือการวัดผลและการจัดการผลกระทบ (Impact Measurement and Management - IMM)
IMM คืออะไร?
การวัดผลและการจัดการผลกระทบคือการพิจารณาถึงผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่ธุรกิจมีต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม จากนั้นจึงหาวิธีลดผลกระทบเชิงลบและเพิ่มผลกระทบเชิงบวกเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย1.
วัตถุประสงค์ในการทำ IMM
สำหรับภายในองค์กร:
- เพื่อกำหนดทิศทางในการวัดผลลัพธ์
- เพื่อประเมินความก้าวหน้าโครงการ
สำหรับภายนอกองค์กร:
- เพื่อรายงานผลลัพธ์ไปยังผู้สนับสนุน/นักลงทุน
- เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
- เพื่อการประชาสัมพันธ์
ขั้นตอนของการทำ IMM
1. ทำความเข้าใจผลกระทบและ IMM
ทำความเข้าใจแนวคิดเรื่องความยั่งยืน ผลกระทบ การวัดผลลัพธ์ การจัดการผลกระทบ และกำหนดเป้าหมายองค์กรในการสร้างผลกระทบ
2. ระบุและมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และทำความเข้าใจว่าจะมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกขั้นตอนได้อย่างไร
3. จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบ
วิเคราะห์ความมีนัยสำคัญ (materiality analysis) จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย SDGs ในทุกขั้นตอน และระบุเป้าหมายผลกระทบ
4. วางแผนสำหรับผลกระทบ
จัดทำห่วงโซ่คุณค่าผลลัพธ์ (Impact Value Chain) เลือกตัวชี้วัดสำหรับการวัดผล และกำหนดข้อมูลพื้นฐาน (baseline) และเป้าหมาย
5. การวัดผลกระทบและบูรณาการผลกระทบไว้ในแนวปฏิบัติขององค์กร
การติดตามผลลัพธ์และเก็บรวบรวมข้อมูล; การบูรณาการเป้าหมาย SDGs และผลกระทบไว้ในแนวปฏิบัติขององค์กร; การจัดการความเสี่ยงจากผลกระทบ และเสริมสร้างความมุ่งมั่นขององค์กรในการสร้างผลกระทบผ่านแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาล
6. รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับผลกระทบ
ความเชื่องโยงระหว่าง IMM กับกรอบมาตรฐาน SDG Impact Standards
กรอบมาตรฐาน SDG Impact Standardsได้รับการพัฒนาโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพื่อให้ความรู้แก่องค์กรภาคเอกชนเกี่ยวกับวิธีการบูรณาการเป้าหมาย SDGs เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ดำเนินงานได้อย่างยั่งยืนและสร้างผลลัพธ์เชิงบวกตามเป้าหมาย SDGs
กรอบมาตรฐาน SDG Impact Standards คือมาตรฐานที่ช่วยในการตัดสินใจโดยใช้ภาษาที่เหมาะสมและมีแนวทางสำหรับการบูรณาการจัดการผลกระทบและเป้าหมาย SDGs ให้เข้ากับการตัดสินใจขององค์กร มาตรฐานดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ กลยุทธ์ แนวทางการจัดการ ความโปร่งใส และการกำกับดูแล (อ่านต่อ)
- มาตรฐานที่ 1 (กลยุทธ์): ปลูกฝังแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป้าหมาย SDGs ไว้ในวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ของค์กร
- มาตรฐานที่ 2 (แนวทางการจัดการ): นำแนวปฏิบัติขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมไปใช้ในการจัดการองค์กรและกระบวนการตัดสินใจ
- มาตรฐานที่ 3 (ความโปร่งใส): ให้ความสำคัญด้านความโปร่งใสเพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- มาตรฐานที่ 4 (การกำกับดูแล): ตระหนักว่าการกำกับดูแลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
การวัดผลและการจัดการผลกระทบถือเป็นพื้นฐานของแนวทางและหลักการที่ระบุไว้ใน SDG Impact Standards ซึ่งมีกรอบการทำงานอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถประเมินและจัดการผลกระทบตามเป้าหมายของ SDGs
Impact Flow เชื่อมโยงกับผลกระทบห้ามิติในการจัดการผลกระทบของ Impact Management Project อย่างไร?
ผลกระทบทั้งห้ามิติได้รับการพัฒนาโดย Impact Management Project (IMP) เพื่อเป็นชุดบรรทัดฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกเกี่ยวกับวิธีการทำความเข้าใจ จัดการ และสื่อสารผลกระทบ ผลกระทบทั้งห้ามิติ ได้แก่ อะไร ใคร เท่าไร การมีส่วนร่วม และความเสี่ยง ซึ่งประกอบกันเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับกรอบการจัดการผลกระทบขององค์กร (อ่านต่อ)
สำหรับ IMM นั้น Impact Flow ได้รวบรวมมิติเหล่านี้ไว้เพื่อส่งเสริมการสื่อสารผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มิติในการจัดการผลกระทบ | ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Impact Flow |
---|---|
อะไร สรุปผลลัพธ์ที่องค์กรมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ และความสำคัญของผลลัพธ์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบจากผลลัพธ์นั้น |
|
ใคร ระบุผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมขององค์กร |
|
เท่าไหร่ บันทึกขอบเขตของผลกระทบในมุมของขอบเขต และระยะเวลา
|
|
การมีส่วนร่วม ประเมินว่าการทำกิจกรรมขององค์กรมีส่วนทำให้บรรลุผลสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากอาจมีหลายองค์กรและโครงการที่เอื้อให้เกิดผลลัพธ์เดียวกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบที่องค์กรดำเนินงานอยู่ จะช่วยให้ทุกองค์กรสามารถทำงานอย่างเป็นระบบร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลจากการมีส่วนร่วมขององค์กรสามารถประเมินได้จากความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและข้อมูลจากการวิจัยตลาด |
|
ความเสี่ยง ระบุความเสี่ยงที่องค์กรเผชิญระหว่างการสร้างผลกระทบซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนไปจากที่ตั้งไว้ แล้วจึงควรกำหนดขั้นตอนในการประเมินและลดความเสี่ยงเหล่านี้ |
|
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบ
ผลกระทบหมายถึงผลลัพธ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง (Outcome) ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงความเป็นอยู่ที่ดีของกลุ่มคนหรือสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมขององค์กร
ซึ่งผลกระทบอาจเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ เกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ และอาจเกิดได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การทำความเข้าใจและกำหนดขอบเขตของ 'ผลกระทบ' เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและสิ่งแวดล้อม และช่วยให้องค์กรจัดการกับผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งการกระทำและมุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จขององค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) หรือ ประมวลเป้าหมายของโลก ได้รับการรับรองโดยรัฐสมาชิกของสหประชาชาติในปี 2558 เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการขจัดความยากจน ปกป้องสิ่งแวดล้อม และรับรองว่าประชาชนทุกคนจะได้รับสันติภาพและความรุ่งเรืองภายในปี 2573
SDGs มีเป้าหมายทั้งหมด 17 ข้อ ซึ่งครอบคลุมปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ความยากจน ความไม่เท่าเทียม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และสันติภาพและความยุติธรรม (อ่านเพิ่มเติม) โดย SDGs สามารถใช้ได้กับทุกประเทศ – ทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา และเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน SDGs จึงนับเป็นแผนที่นำทางสู่อนาคตที่ประชาชนส่วนมากต้องการ
การปฏิบัติตามเป้าหมาย SDGs ช่วยกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานและกลยุทธ์ขององค์กรที่อาจส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนในระยะยาว ในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ เนื่องจากลูกค้า (โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่) มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่แสดงเจตนาดี นอกจากนั้น การลงทุนอย่างรับผิดชอบต่อสังคมได้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนอย่างมหาศาลให้กับองค์กรที่ตั้งใจและปฏิบัติตามเป้าหมาย SDGs
นอกจากนี้ เนื่องจากเป้าหมาย SDGs ถือเป็นกรอบผลกระทบที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก การตั้งผลกระทบให้สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสื่อสารด้านการมีส่วนร่วมในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในภาษาที่เข้าใจกันในระดับสากล โดยไม่ต้องคำถึงถึงเรื่องเขตแดน วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม
อ้างอิงจากรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2022 ประเทศไทยได้อันดับตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Index Rank) ที่ 44 จาก 163 ประเทศ และมีคะแนนรวมอยู่ที่ 74.13/100 ภาพด้านล่างแสดงให้เห็นถึงสถานะล่าสุดของประเทศไทยในแต่ละเป้าหมาย SDG ว่ามีความก้าวหน้าตามแผน, ก้าวหน้าเล็กน้อย, เท่าเดิม หรือ ลดลง
การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ในบริบทของการวัดผลและการจัดการผลกระทบ (IMM) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหมายถึง บุคคล กลุ่ม องค์กร หรือหน่วยงานที่มีผลประโยชน์หรือได้รับผลจากผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากธุรกิจ, การลงทุน หรือโครงการ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจเป็นได้ทั้งภายในหรือภายนอกองค์กร ตัวอย่าง เช่น:
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในองค์กร | ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกองค์กร |
---|---|
|
|
วิธีในการระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
1) อ้างอิงจากเป้าหมายผลกระทบและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
เป้าหมายผลกระทบที่ตั้งไว้เมื่อเริ่มต้นกระบวนการ IMM ควรจะให้ข้อมูลพื้นฐานได้ว่าใครคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ หากมองจากมุมมองของปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือส่วนที่เห็นว่าควรมีการเปลี่ยนแปลง ให้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่าใครควรมีส่วนร่วมเพิ่มเติมและใครจะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมที่เกิดขึ้น
2) อ้างอิงจากกระบวนการทั้งหมดในการดำเนินงาน (value chain)
การวางแผนกระบวนการทั้งหมดในการดำเนินงานตั้งแต่การจัดหาฐานผลิต การขนส่งขาเข้า ตลอดจนการผลิตและการดำเนินงาน ไปจนถึงการจัดจำหน่าย การใช้สินค้า และ การจัดการสินค้าหลังการใช้งาน อาจเป็นประโยชน์ต่อการระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รูปภาพต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทั้งหมดในการดำเนินงาน
ควรระบุถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการทั้งหมดในการดำเนินงานเพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างของกระบวนการทั้งหมดในการดำเนินธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักที่อาจได้รับผลกระทบในแต่ละกระบวนการ (SEC and UNDP. SDG Guidebook for Thai Listed Companies. p.22)
3) ระบุผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับผลกระทบจากทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยทั่วไปแล้วจะเห็นได้ชัดว่าใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากกิจกรรม ดังนั้น จึงควรมองหากลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมทั้งเชิงบวกหรือเชิงลบด้วย กลุ่มดังกล่าวมักจะมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็มักจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาเช่นกัน
การวิเคราะห์ความมีนัยสำคัญ
เนื่องจากกิจกรรมที่ทำมักจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันสำหรับผู้ได้รับประโยชน์แต่ละราย ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับองค์กรในการรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทั้งหมด การวิเคราะห์ความมีนัยสำคัญจะช่วยให้องค์กรแยกแยะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการวิเคราะห์ ตลอดจนผลลัพธ์และผลกระทบที่สำคัญที่สุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและองค์กร
ความมีนัยสำคัญจะถูกกำหนดโดยความเกี่ยวข้องและความสำคัญเป็นหลัก
ความเกี่ยวข้อง - ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งต่อไปนี้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรในระดับใด
- ใครได้รับผลกระทบจากผลลัพธ์บ้าง?
- พวกเขาได้รับผลกระทบอะไรบ้าง?
ความสำคัญ - ประเมินตามขนาดของผลลัพธ์
- มีกี่คนที่ (หรือจะ) เปลี่ยนไป?
- การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด (หรือคาดว่าจะเกิดขึ้น) ในแต่ละคน และนานเท่าใด?
- การเปลี่ยนแปลงเป็นผลจากกิจกรรมมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่นๆ?
- ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาว่าผลลัพธ์เป็นผลบวกในระดับใด มีเกณฑ์ที่กำหนดความสำคัญหรือไม่?
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความมีนัยสำคัญอีกด้วย เช่น
- ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมองว่าผลลัพธ์มีความสำคัญต่อพวกเขา
- องค์กรมีนโยบายที่จะรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย/ผลลัพธ์ไว้ด้วย
- บรรทัดฐานทางสังคมต้องการให้มี
- มีผลกระทบทางการเงินต่อองค์กรหากไม่ได้รวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย/ผลลัพธ์ในการวิเคราะห์
เลือกตัวชี้วัดสำหรับการวัดและติดตามผลลัพธ์
ระบุตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับผลผลิตและผลลัพธ์แต่ละรายการ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีตัวชี้วัดหลายตัวสำหรับผลลัพธ์เดียวกัน ดังนั้นให้เลือกตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลกระทบมากที่สุด และมีค่าใช้ที่สมเหตุสมผลในการรวบรวมข้อมูล
โดยตัวชี้วัดที่เลือก ให้ระบุแหล่งที่มาของข้อมูล ช่วงเวลาในการรวบรวม และผู้รับผิดชอบสำหรับแต่ละตัวชี้วัด
แหล่งข้อมูลสำหรับตัวชี้วัดบางส่วนเพื่อใช้สำหรับอ้างอิง มีดังนี้
ตัวชี้วัดระดับสากล:
- Global indicator framework for the Sustainable Development Goals and targets of the 2030 Agenda for Sustainable Development
- IRIS 5.3 Taxonomy (มาตรฐาน IRIS 5.3 ฉบับบสมบูรณ์ เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2565)
- IRIS+ alignment with the SDGs
- BCtA (Business Call to Action) indicators
ตัวชี้วัดของประเทศไทย:
- ดัชนีตัวชี้วัดผลลัพธ์ทางสังคม
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสาม พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐
- มูลนิธิยุวพัฒน์ (ตัวชี้วัดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลโครงการด้านการศึกษา)
แบบจำลองผลกระทบ
แบบจำลองผลกระทบช่วยให้เห็นกรอบการทำงานที่แสดงให้เห็นว่าผลกระทบถูกสร้างขึ้นอย่างไร โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปว่ากิจกรรม ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างไร และเป็นพื้นฐานสำหรับการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
การเริ่มต้นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะช่วยในการตรวจสอบว่าความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, กิจกรรมที่จะดำเนินการ และผลลัพธ์ที่คาดหวังนั้นสอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่
องค์ประกอบสำคัญของแบบจำลองผลกระทบมีดังนี้
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย | กิจกรรม | ผลผลิต | ผลลัพธ์ | ผลกระทบ | |
---|---|---|---|---|---|
ความหมาย | บุคคลหรือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากกิจกรรมที่จัดขึ้น รวมถึงผู้ที่อาจมีส่วนร่วมในโครงการ และ/หรือมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของโครงการ ไม่ว่าจะเชิงบวกหรือเชิงลบ | กิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งกิจกรรมที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องมีส่วนร่วม | ผลลัพธ์ระยะสั้นหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันทีตามกิจกรรมที่ระบุไว้ | ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งเป็นผลจากผลลัพธ์ที่ระบุไว้ | ผลกระทบสูงสุดที่องค์กรมุ่งหวังที่จะบรรลุหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
กรอบแนวคิดของ Impact Flow ตามธีมของผลกระทบที่แตกต่างกัน (ตัวอย่าง)
ธีมผลกระทบ | เกษตรกรรมยั่งยืน | การศึกษา | สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี |
---|---|---|---|
ปัญหา | การทำการเกษตรอย่างไม่ยั่งยืนโดยใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมากเกินไป ส่งผลให้ดินเสื่อมโทรม สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และส่งผลเสียต่อความมั่นคงทางอาหารและรายได้ในระยะยาว | เยาวชนออกจากโรงเรียนกลางคันเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็ขาดทักษะในการทำงานเพื่อประกอบอาชีพ | ผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนมักประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานและไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพ |
วิธีการแก้ปัญหา | ส่งเสริมเกษตรกรให้ได้รับความรู้และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเปลี่ยนไปสู่การทำการเกษตรอย่างยั่งยืนและช่วยเชื่อมโยงพวกเขากับตลาด | จัดให้มีการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพตามความสนใจของเยาวชนและช่วยจัดหางานหรือสนับสนุนให้ประกอบอาชีพอิสระ | อำนวยความสะดวกในการจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่และเสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุในมิติต่างๆ เช่น สุขภาพกายและใจ การเข้าถึงสวัสดิการสังคม การปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เป็นต้น |
เป้าหมายผลกระทบ |
|
เยาวชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยการจ้างงานและรายได้ที่มั่นคง | ผู้สูงอายุด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานและความช่วยเหลือในยามจำเป็น พร้อมความรู้ในการดูแลตนเองซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ |
SDGs ที่เกี่ยวข้อง | 2.2, 2.4, 3.9, 15.5 |
4.4, 8.5, 8.6 |
3.4, 3c |
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย |
|
|
|
กิจกรรมที่ทำ |
|
|
|
ผลผลิต |
|
|
|
ผลลัพธ์ |
|
|
|
ตัวชี้วัด |
|
|
|